การจดทะเบียนสมรส

การจดทะเบียนสมรส

วันที่นำเข้าข้อมูล 29 ก.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 31 ก.ค. 2568

| 3,272 view

การจดทะเบียนสมรส

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส เป็นนายทะเบียนราษฎรในต่างประเทศซึ่งมีอำนาจรับ
จดทะเบียนสมรสให้แก่บุคคลสัญชาติไทยที่มีถิ่นพำนักในประเทศอาร์เจนตินา อุรุกวัย และปารากวัย
และประสงค์จะทำการสมรสตามกฎหมายไทย โดยบุคคลทั้งสองฝ่ายจะต้องยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อ
นายทะเบียนด้วยตนเองที่สถานเอกอัครราชทูตฯ (โดยมีพยานบุคคลสัญชาติไทยที่บรรลุนิติภาวะ 2 คน
พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่มีอายุการใช้งานของพยาน)

เงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้ร้องขอจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยในต่างประเทศ

  1. บุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว เว้นแต่ในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้
  2. การสมรสสามารถกระทำได้ไม่ว่าเพศใด แต่อย่างน้อยมีบุคคลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  3. 3. ผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 20 ปี) จะสมรสต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง
  4. ห้ามสมรสขณะมีคู่สมรสอยู่
  5. ห้ามญาติพี่น้องสมรสกัน
  6. ห้ามผู้รับบุตรบุญธรรมสมรสกับบุตรบุญธรรม
  7. ห้ามบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นคนวิกลจริตหรือศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
  8. หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่กับชายได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ (1) คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น (2) สมรสกับคู่สมรสเดิม (3) มีใบรับรองแพทย์ว่ามิได้ตั้งครรภ์ หรือ (4) มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้
  9. การสมรสจะกระทำได้เมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอมเป็นคู่สมรสกัน และต้องแสดงการยินยอมให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย

เอกสารประกอบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส

  1. คำร้องขอจดทะเบียนครอบครัว (ดาวน์โหลด)
  2. แบบฟอร์มทะเบียนสมรส (ดาวน์โหลด)
  3. บัตรประจำตัวประชาชนไทยของคู่สมรสที่ถือสัญชาติไทย และ/หรือ หนังสือเดินทางที่ยังมีอายุใช้งานของคู่สมรสที่เป็นคนต่างชาติ
  4. หนังสือรับรองสถานภาพโสด (กรณีคนต่างชาติ) ที่มีอายุใช้งานไม่เกิน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออก และได้รับการรับรองนิติกรณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของประเทศที่ออกเอกสาร ทั้งนี้ ถ้าเคยหย่ามาก่อน ต้องมีหนังสือรับรองสถานภาพโสดหลังหย่า หรือถ้าคู่สมรสเสียชีวิต ต้องมีหนังสือรับรองสถานภาพโสดที่มีข้อความระบุว่า หลังคู่สมรสเสียชีวิตแล้วไม่ได้แต่งงานอีก
  5. หนังสือให้ความยินยอม (กรณีผู้ร้องขอยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้มีอำนาจให้ความยินยอมไม่มาด้วย)
  6. ทะเบียนหย่า (กรณีเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แต่ได้หย่าขาดจากคู่สมรสเดิมแล้ว) ทั้งนี้ หากการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน ณ วันที่ยื่นขอจดทะเบียนสมรสใหม่ จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าไม่ได้ตั้งครรภ์หรือมีคำสั่งศาลไทยให้สมรสได้ เว้นแต่ได้คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
  7. มรณบัตร (กรณีคู่สมรสเดิมเสียชีวิต)
  8. ใบสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล (กรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อ และ/หรือ นามสกุล)
  9. หนังสือตกลงการใช้ชื่อสกุล (หากประสงค์ใช้นามสกุลฝ่ายชาย)
  10. ทะเบียนบ้าน

การใช้คำนำหน้าชื่อหญิงไทยหลังการสมรส

  • หญิงไทยที่จดทะเบียนสมรสแล้ว จะสามารถใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ โดยให้แจ้งต่อนายทะเบียนตามกฎหมาย (เจ้าหน้าที่กงสุล) ทั้งนี้ เป็นไปตามความในพระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติฯ นี้ มีผลบังคับย้อนหลังไปถึงหญิงทุกคนที่จดทะเบียนสมรสก่อนวันที่พระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ โดยนายทะเบียนจะบันทึกเพิ่มเติมในหน้าบันทึกของทะเบียนสมรสระบุว่า ฝ่ายหญิงมีความประสงค์จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว”

การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส

  • พระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส ดังนี้
  1. 1. คู่สมรสสามารถใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมจากฝ่ายนั้นแล้ว (ไม่สามารถรวมชื่อสกุลทั้งสองเข้าด้วยกันได้)
    2. คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตน โดยการตกลงดังกล่าวนี้จะกระทำเมื่อมีการสมรสหรือในระหว่างสมรสก็ได้ และคู่สมรสจะตกลงเปลี่ยนแปลงข้อความในวรรคหนึ่งภายหลังก็ได้
    3. เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายที่ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมก่อนสมรสของตน (ทั้งในหนังสือเดินทางและทะเบียนราษฎร์)
    4. เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย ให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อประสงค์จะทำการสมรสใหม่ ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมก่อนสมรสของตน
  2. ในระหว่างการจดทะเบียนสมรส คู่สมรสต้องแจ้งต่อนายทะเบียน (เจ้าหน้าที่กงสุล) ว่า ตนประสงค์จะใช้ชื่อสกุลเดิมของตน หรือใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งนายทะเบียนจะบันทึกไว้บนหน้าบันทึกของทะเบียนสมรส
  3. คู่สมรสทั้งสองฝ่ายจะต้องทำหนังสือข้อตกลง มีข้อความระบุชัดเจนว่า คู่สมรสจะใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใด ชื่อสกุลอะไร พร้อมลงลายมือชื่อของคู่สมรส และพยานบุคคลรับรอง 2 คน ประกอบหลักฐานในการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุล โดยมีเจ้าหน้าที่กงสุลลงลายมือชื่อรับรองด้วย
  4. กรณีคู่สมรสจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายท้องถิ่นซึ่งระบุการใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสให้ใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และมีการรับรองและแปลเป็นภาษาไทยตามระเบียบของทางราชการแล้ว สามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุลได้ แต่หากการสมรสไม่ระบุการใช้ชื่อสกุล ถ้าคู่สมรสประสงค์จะใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง จะต้องทำเป็นหนังสือข้อตกลง พร้อมลงลายมือชื่อของคู่สมรส และพยานรับรอง 2 คน โดยมีเจ้าหน้าที่กงสุลลงลายมือชื่อรับรองด้วย

การดำเนินการภายหลังการสมรส

  1. หลังจดทะเบียนสมรส หญิงไทยต้องไปยื่นคำร้องขอแก้ไขรายการบุคคล (คำนำหน้าชื่อ ชื่อสกุล) ในเอกสารทะเบียนราษฎร์ต่าง ๆ (เช่น ทะเบียนบ้านที่ตนมีชื่ออยู่ในประเทศไทย บัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทาง) ให้เรียบร้อยโดยเร็ว
  2. หากไม่สะดวกที่จะเดินทางกลับไปดำเนินการในประเทศไทยด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นที่บรรลุนิติภาวะในประเทศไทยไปดำเนินการแทนได้ โดยทำเป็นหนังสือมอบอำนาจผ่านการรับรองจากสถานเอกอัครราชทูตฯ
  3. สำหรับการทำบัตรประชาชนใบใหม่ ผู้ร้องจำเป็นต้องกลับไปดำเนินการด้วยตนเองที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอที่ตนมีชื่อในทะเบียนบ้าน โดยไม่สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนกันได้
  4. การแก้ไขชื่อสกุลและคำนำหน้านามในทะเบียนบ้านไทยหลังสมรสมีความสำคัญ เนื่องจากเมื่อยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่โดยยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่ประเทศไทย สถานภาพหลังการสมรสจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น เจ้าหน้าที่กงสุลไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในหนังสือเดินทางเล่มเดิม และไม่สามารถรับคำร้องทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ โดยเปลี่ยนคำนำหน้านาม หรือชื่อสกุลใหม่ของผู้ร้องได้ แม้จะมีหลักฐานการสมรสมาแสดงก็ตาม

ค่าธรรมเนียม

  • ไม่มีค่าธรรมเนียม

การนัดหมาย

กรุณานัดหมายล่วงหน้าทางอีเมล [email protected] ก่อนเดินทางมาสถานเอกอัครราชทูตฯ